สศช. ร่วมกับ Global Compact Network Thailand จัดเวทีเสวนา“การขับเคลื่อนประเทศไทยบรรลุ SDGs ผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มเพื่อการวิเคราะห์ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าการบรรลุ SDGs”ในงาน GCNT EXPO 2025: Forward SDGs Faster Together รวมพลังสร้างโลกที่ยั่งยืน

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand: GCNT) ได้จัดเวทีเสวนาหัวข้อ “การขับเคลื่อนประเทศไทยบรรลุ SDGs ผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มเพื่อการวิเคราะห์ ติดตาม และประเมินผลความก้าวหน้าการบรรลุ SDGs” ขึ้น เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 – 11.00 น. ณ ห้อง Townhall L (ฝั่ง East) ชั้น 7 True Digital Park ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้งาน GCNT EXPO 2025: Forward SDGs Faster Together รวมพลังเร่งสร้างโลกที่ยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 31 กรกฎาคม 2568

เวทีเสวนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคส่วนอื่น ๆ ในการขับเคลื่อนเพื่อบรรลุ SDGs โดยเฉพาะการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลเพื่อรายงานความก้าวหน้าการบรรลุ SDGs ของประเทศไทย และยังเป็นเวทีเพื่อการระดมสมองและหารือต่อแนวทางการรวบรวมข้อมูลอย่างบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่น ๆ ที่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะการร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มกลางที่สามารถแสดงผลความก้าวหน้าการดำเนินงานในการบรรลุ SDGs

ภายในงานได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ คุณบุศรา แสงอรุณผู้อำนวยการกลุ่มวิเคราะห์และพัฒนาสารสนเทศด้านสังคมสำนักงานสถิติแห่งชาติ คุณจุฬวดี วรศักดิ์โยธิน ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ดร. สกุลทิพย์ กีรติพันธวงศ์ กรรมการและเลขาธิการสมาคมผู้ประเมินมูลค่าทางสังคมไทย และคุณศศิโณทัย โรจนุตมะ ผู้ช่วยรองประธานด้านความยั่งยืนบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)โดยมี ดร.ธัชไท กีรติพงค์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินรายการซึ่งการเสวนาในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมกว่า 70 คนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เข้าร่วม

ในช่วงต้นของเวที ดร.ธัชไท กีรติพงค์ไพบูลย์ ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นโลกที่เปลี่ยนแปลงจากเรื่องสุขภาวะและความเท่าเทียมในปี 2015 สู่ประเด็นดิจิทัล นวัตกรรม และความมั่นคงทางไซเบอร์ในปี 2025 พร้อมอธิบายความหมายของความยั่งยืนจากการวิเคราะห์ของ AI ว่าคือการพัฒนาที่ไม่กระทบต่อทรัพยากรของคนรุ่นหลัง โดยเน้นความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ประเทศไทยแม้มีความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนผ่านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ SDGs แต่ยังเผชิญกับปัญหา PM2.5 ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และโอกาสที่ไม่ทั่วถึง ดร.ธัชไทได้นำเสนอ Thailand’s SDG Roadmap และ SDGs Dashboard ซึ่งแสดงภาพรวมสถานะตัวชี้วัด 248 ตัว โดยพบว่า 4 เป้าหมายอยู่ในเส้นทางการบรรลุเป้าหมาย ขณะที่
3 เป้าหมายมีแนวโน้มถดถอย สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาเครื่องมือและแพลตฟอร์มข้อมูลที่แม่นยำ เชื่อมโยง และใช้ประโยชน์ได้จริงในการติดตามความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

คุณบุศรา แสงอรุณ ผู้แทนสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้นำเสนอภาพรวมการดำเนินงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติในบทบาทการติดตามและรายงานข้อมูล SDGs ของประเทศ โดยเน้นย้ำถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลที่สอดคล้องกับ Metadata ของสหประชาชาติ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือและแพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์และติดตามความก้าวหน้าของ SDGs ในระดับจังหวัด ทั้งนี้ สสช. มีแผนที่จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการตัดสินใจ รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสำหรับแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของข้อมูล โดยมีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง และได้มาตรฐานสากล เช่น เทคโนโลยี SDMX (Statistical Data and Metadata eXchange) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนและเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างประเทศ รวมถึงการใช้ Big Data และข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมในการติดตามความก้าวหน้าของ SDGs คุณบุศรายังได้ทิ้งท้ายในประเด็นการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรระหว่างประเทศในการเชื่อมโยงข้อมูลให้ได้มาตรฐานสากล การใช้ข้อมูลจากประชาชน (Citizen Generated Data) และ Big Data ในการติดตาม SDGs และการจัดการกับความท้าทายด้านความเป็นส่วนตัว การรักษาความลับข้อมูล และจริยธรรมในการจัดเก็บและใช้ข้อมูล

คุณจุฬวดี วรศักดิ์โยธิน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ได้นำเสนอภาพรวมบทบาทของ กลต. ในการส่งเสริมให้ภาคเอกชนบูรณาการแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนควบคู่กับการพัฒนาตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) โดยเน้นย้ำว่า การเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของภาคเอกชนไม่เพียงแต่สะท้อนเจตนารมณ์ขององค์กรในการพัฒนาอย่างรับผิดชอบเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว และเสริมศักยภาพในการบริหารความเสี่ยงในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) กลต. ได้สนับสนุนและพัฒนาแพลตฟอร์มแสดงข้อมูลการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจต่อ SDGs เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมิน วัดผล และติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านเครื่องมืออย่าง SDG Investor Map Platform ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่ตอบโจทย์ SDGs กับนักลงทุนที่ต้องการสนับสนุนการลงทุนเพื่อความยั่งยืนอย่างบูรณาการ สุดท้ายนี้ คุณจุฬวดีได้เน้นย้ำว่าต้องอาศัยศักยภาพและทักษะขององค์กรในการปรับตัวและดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายทั้ง 17 ด้านอย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.สกุลทิพย์ กีรติพันธวงศ์ จากสมาคมผู้ประเมินมูลค่าทางสังคมไทย ได้นำเสนอหัวข้อ “Accelerating Impact Partnership” โดยชี้ให้เห็นถึงพลวัตของโลกในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ความเหลื่อมล้ำ และผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาสุขภาพจิต และความไม่ไว้วางใจในสถาบันหลัก ซึ่งล้วนส่งผลต่อความท้าทายในการบรรลุ SDGs จากข้อมูลดัชนี SDG ที่มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับความล่าช้าในการลดการปล่อยคาร์บอนและผลกระทบจากสงครามและโรคระบาด ดร.สกุลทิพย์เสนอว่า การบรรลุ SDGs ต้องอาศัย “พันธมิตรเพื่อผลกระทบ” (Impact Partnership)ที่สร้างขึ้นบนฐานของความร่วมมือระหว่างภาคส่วน ทุนสนับสนุนที่เพียงพอ การใช้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการติดตามผลอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ได้มีการเสนอกรอบกลยุทธ์ “SDG Impact Actions (SIA)” ที่ประกอบด้วย 12 ขั้นตอนสำคัญ ตั้งแต่การให้คำมั่น การบูรณาการกลยุทธ์ การวัดและจัดการผลกระทบ ไปจนถึงการเปิดเผยข้อมูลและการกำกับดูแลภายใต้กรอบธรรมาภิบาล เพื่อให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนความยั่งยืนจากภายในสู่ภายนอกอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ดร.สกุลทิพย์ ยังชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากแนวคิด ESG ซึ่งเน้นการบริหารความเสี่ยง สู่การสร้าง Impact ที่สามารถวัดผลและจัดการได้จริง ผ่านกระบวนการที่ครอบคลุมตั้งแต่ Inputs, Outputs, Outcomes ไปจนถึงผลกระทบระยะยาว โดยอ้างอิงมาตรฐานสากลของ Impact Management Project (IMP) ที่แยก Impact ออกเป็น 5 มิติ ได้แก่ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น (What) ใครเป็นผู้ได้รับผลลัพธ์ (Who) ขนาด ความลึก ระยะเวลาของผลลัพธ์ (How Much) องค์กรมีส่วนร่วมอย่างไร (Contribution) และความเสี่ยง (Risk) ดร.สกุลทิพย์ได้ทิ้งท้ายว่า SIA จะนำไปสู่การสร้างพันธมิตรสู่การบรรลุ SDG IMPACT ดังนี้ (1)ระบุตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ทางสังคมร่วมเป็นจุดเชื่อมโยงความรับผิดชอบกับความร่วมมือ(2) คุณค่าทางสังคม (3) ศักยภาพร่วม และ (4) คุณค่าร่วม (Win-Win-Win) ที่สร้างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อระบุชี้วัดผลกระทบของ SDG ในการดำเนินธุรกิจ

คุณศศิโณทัย โรจนุตมะ จากบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอแนวทางและบทบาทขององค์กรในการขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2553 ผ่านการพัฒนาด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน การจัดทำรายงานความยั่งยืน การประเมินวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน อินโดรามา เวนเจอร์ส ดำเนินกลยุทธ์สู่การรีไซเคิลขั้นสูง (Advanced Recycling) การลดการใช้พลังงานจากถ่านหิน (Coal Phase Out) และการนำเทคโนโลยี Carbon Capture มาใช้ รวมถึงการตั้งเป้าใช้วัตถุดิบหมุนเวียนในกระบวนการผลิต ในส่วนของการติดตามและรายงานผล อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้จัดตั้งระบบการจัดการข้อมูลด้าน ESG ที่ครอบคลุมทั้งภายในองค์กรและในห่วงโซ่อุปทาน ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เก็บข้อมูลรายไตรมาสจากแต่ละไซต์งานทั่วโลก และดำเนินการตรวจสอบโดยทีมงานด้านความยั่งยืนของบริษัท นอกจากนี้ ยังใช้แนวทางตามมาตรฐานการรายงาน SDG Impact Standards และแนวปฏิบัติของ UNDP และ กลต. ในการกำหนดตัวชี้วัดที่เชื่อมโยง SDGs กับดัชนีผลการดำเนินงานขององค์กร พร้อมทั้งจัดทำรายงานผลกระทบที่ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงด้านน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสบนเว็บไซต์ด้านความยั่งยืนขององค์กร โดยคุณศศิโณทัย ได้เน้นย้ำว่าการใช้ข้อมูล ESG อย่างเป็นระบบและมีการตรวจสอบภายในเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน และสนับสนุนการบรรลุ SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เวทีเสวนาการขับเคลื่อนประเทศไทยบรรลุ SDGs ผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มเพื่อการวิเคราะห์ ติดตาม และประเมินผลความก้าวหน้าการบรรลุ SDGs นับเป็นเวทีเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงความจำเป็นของการมีระบบฐานข้อมูลที่แม่นยำ เชื่อมโยง และใช้งานได้จริง เพื่อเป็นพื้นฐานการในการพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบที่สนับสนุนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน SDGs ของประเทศไทยและภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคส่วนในการขับเคลื่อนและเร่งรัดการติดตามและประเมินผลการบรรลุเป้าหมาย SDGs ของไทยให้สามารถบรรลุ SDGs ภายในกำหนดเวลา

กองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

กลับหน้าข่าวสารและบทความ