Goal 13Goal 14Goal 16
+1

จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน : ศาลโลกกับการพิจารณาคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

การพิจารณาคดีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice – ICJ) เมื่อเดือนธันวาคม 2024 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การต่อสู้กับวิกฤตโลกร้อน ไม่เพียงเป็นคดีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของศาลโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามในการสร้างกรอบความรับผิดชอบทางกฎหมายที่ชัดเจนในการจัดการกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในประเด็นของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการให้ความช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบ

จุดเริ่มต้นของคดีประวัติศาสตร์นี้มาจากความพยายามของประเทศวานูอาตูและประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากกลุ่มนักศึกษาหมู่เกาะแปซิฟิกที่ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สะท้อนให้เห็นพลังของคนรุ่นใหม่ในการผลักดันประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นถึงความกังวลร่วมกันของนานาประเทศต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่มีต่อประเทศกำลังพัฒนาและประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ที่มา : Pacific Islands News Association (2024)

“การที่ประเทศที่ปล่อยมลพิษสูงเพียงไม่กี่ประเทศล้มเหลวในการปฏิบัติตามพันธกรณีของตน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ” เนื่องจากพวกเขาได้นำมนุษยชาติ “มาสู่ขอบเหวแห่งความหายนะ” – Arnold Kiel Loughman

ความรับผิดชอบของรัฐ : ประเด็นทางกฎหมายที่สำคัญในการปกป้องสภาพภูมิอากาศ

ประการแรก พันธกรณีของรัฐภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ในการปกป้องระบบสภาพภูมิอากาศจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต รวมถึงขอบเขตความรับผิดชอบในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่กำหนดไว้

ประการที่สอง ผลทางกฎหมายต่อรัฐที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กที่กำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ความขัดแย้งและจุดยืนที่แตกต่าง

ความแตกต่างของจุดยืนประเทศต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างความร่วมมือระดับโลก เนื่องจากมีบริบท ข้อจำกัด และความต้องการที่แตกต่างกัน การหาจุดสมดุลระหว่างความต้องการที่แตกต่าง จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่แนวทางการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย

กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา : การเรียกร้องความเป็นธรรม

  1. บราซิล เป็นตัวแทนของประเทศกำลังพัฒนาที่เน้นย้ำหลักการ “ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกัน” โดยชี้ให้เห็นความท้าทายในการพัฒนาประเทศควบคู่ไปกับการรับมือผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ
  2. จีน แม้จะเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ แต่ก็ยังคงยืนยันสถานะประเทศกำลังพัฒนา โดยเสนอให้ยึดกรอบข้อตกลงปารีสและเรียกร้องระยะเวลาปรับตัวที่มากกว่าสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
  3. ประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก มีข้อเรียกร้องเฉพาะในการรักษาสิทธิทางทะเลและสถานะความเป็นรัฐ แม้จะเผชิญภัยคุกคามจากการสูญเสียดินแดนเนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว : การระมัดระวังพันธะผูกพัน

  1. สหรัฐอเมริกา แสดงท่าทีระมัดระวังและปฏิเสธการตีความที่จะนำไปสู่ข้อผูกพันทางกฎหมายจากข้อตกลงระหว่างประเทศ
  2. สหภาพยุโรป เน้นแนวทางการสร้างความร่วมมือแบบไม่เผชิญหน้า แต่ไม่สนับสนุนการพัฒนากลไกบังคับใช้ที่เข้มงวด
(Image Generator By CANVA)

“เรากำลังจมน้ำ” เสียงร้องที่สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนของปัญหาที่ประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กกำลังเผชิญ โดยเฉพาะหลังจากความผิดหวังจากข้อตกลง COP29 ที่กำหนดให้มีเงินช่วยเหลือด้านสภาพภูมิอากาศเพียง 300 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2035 ซึ่งแทบจะไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่พวกเขาต้องแบกรับ

คาดการณ์ผลกระทบเชิงระบบที่จะเกิดขึ้น

การพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมในเชิงระบบ ทั้งในด้านกฎหมาย นโยบาย และสังคม ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเผชิญหน้าในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ

  1. ผลทางกฎหมาย เกิดการสร้างบรรทัดฐานใหม่สำหรับการพิจารณาคดีด้านสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งกำหนดกรอบความรับผิดชอบของรัฐที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะเป็นฐานสำคัญในการเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย
  2. ผลทางการทูตและนโยบาย ส่งผลต่อทิศทางการเจรจาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ
    โดยจะเกิดแรงกดดันให้แต่ละประเทศต้องเพิ่มเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก และนำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรมมากขึ้น
  3. ผลต่อประชาสังคม ช่วยเสริมพลังให้กับการเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศ สร้างความตระหนัก
    ในวงกว้างถึงความเร่งด่วนของปัญหา และเพิ่มแรงกดดันต่อทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจให้ต้องดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้น

กองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

เอกสารอ้างอิง

The Guardian. (2023). ‘Beginning of a new era’: Pacific islanders hail UN vote on climate justice. Retrieved from https://www.theguardian.com/world/2023/mar/30/un-vote-on-climate-justice-pacific-island-change-crisis-united-nations-vanuatu

United Nations. (2024). Landmark climate change hearings represent largest ever case before UN world court. Retrieved from https://news.un.org/en/story/2024/12/1157671

United Nations. (2024). UN World Court concludes landmark hearings on States’ responsibility for climate change. Retrieved from https://news.un.org/en/story/2024/12/1158476

กลับหน้าข่าวสารและบทความ