เป้าหมายและตัวชี้วัด
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 17 เป้าหมาย ประกอบไปด้วย 169 เป้าหมายย่อย (SDG Targets) ที่มีความเป็นสากล เชื่อมโยงและเกื้อหนุนกัน และกำหนดให้มี 248 ตัวชี้วัด เพื่อใช้ติดตามและประเมินความก้าวหน้าของการพัฒนา
โดยสามารถ จัดกลุ่ม SDGs ตามปัจจัยที่เชื่อมโยงกันใน 5 มิติ (5P) ได้แก่
1. การพัฒนาคน (People) ให้ความสำคัญกับการขจัดปัญหา ความยากจนและความหิวโหย และลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคม
2. สิ่งแวดล้อม (Planet) ให้ความสำคัญกับการปกป้องและ รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสภาพภูมิอากาศเพื่อพลเมืองโลกรุ่นต่อไป
3. เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง (Prosperity) ส่งเสริม ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและสอดคล้องกับธรรมชาติ
4. สันติภาพและความยุติธรรม (Peace) ยึดหลักการอยู่ร่วมกัน อย่างสันติ มีสังคมที่สงบสุข และไม่แบ่งแยก
5. ความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา (Partnership) ความร่วมมือของทุกภาค ส่วนในการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 1 : ยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่
ความยากจนเป็นอุปสรรคสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากส่งผลกระทบในระยะยาว ต่อการพัฒนาทุนมนุษย์และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งความยากจนไม่เพียงแต่หมายถึงความขัดสนทางด้านรายได้ในการดำรงชีพเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงวิถีชีวิตและความอยู่ดีมีสุขในทุกมิติตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ จึงทำให้การแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นวาระการพัฒนาหลักของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย
โดยการยุติความยากจนให้หมดสิ้นไปต้องดำเนินการให้ครอบคลุมอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในประชากรกลุ่มเปราะบางที่มีความท้าทายในการเข้าถึงทรัพยากรและบริการขั้นพื้นฐาน อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจและสังคม
สัดส่วนประชากรยากจนมีความผันผวนตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกลุ่มคนยากจนส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในภาคเกษตรมีความเสี่ยง ที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่รุนแรง รวมทั้งยังมีความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของ บุคคล โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ และแรงงานในกลุ่ม อุตสาหกรรมเปราะบาง อาทิ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเสี่ยง ต่อการถูกเลิกจ้างหรือการลดชั่วโมงการทำงาน และอาจนำไปสู่การตกอยู่ในภาวะความยากจนได้

เป้าหมายที่ 2 : ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหาร และยกระดับโภชนาการ และส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
ความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน เนื่องจากการ
มีพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาที่เหมาะสมตามวัย และการมีสุขภาพที่ดี จะช่วยสนับสนุนให้สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยอาหารที่บริโภคต้องมีความปลอดภัยและมีโภชนาการจำเป็นในระดับที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดภาวะทุพโภชนาการ โดยเฉพาะในกลุ่มคนยากจนและผู้ที่อยู่ในสถานการณ์เปราะบาง อาทิ คนพิการ คนชรา และทารก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความท้าทายในการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีโภชนาการในปริมาณที่เพียงพอ นอกจากนี้ ภาคเกษตรที่เป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญมีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร จึงควรสนับสนุนให้มีระบบเกษตรกรรมยั่งยืนที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ความปลอดภัยของผู้บริโภค การเพิ่มผลิตภาพของภาคเกษตร ความสมดุลของระบบนิเวศ ความมั่นคงของฐานทรัพยากร และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ และความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร
แม้ว่าภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีโภชนาการอย่างเพียงพอในกลุ่มประชากรยากจนและเปราะบางมาอย่าง ต่อเนื้อง แต่ประเทศไทยยังมีความท้าทายในส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านโภชนาการที่ถูกต้องเพื่อให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเลือกบริโภคอาหาร ที่มีโภชนาการจำเป็นอย่างครบถ้วน ส่งผลให้ประชากรจำนวนมากยังมีภาวะทุพโภชนาการ โดยเฉพาะภาวะโภชนาการเกินซึ่งมีความชุกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง ทั้งนี้ ในด้านการสร้างระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืน พบว่าพื้นที่ในระบบเกษตรกรรมยั่งยืนของไทยยังมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบ กับพื้นที่การเกษตรทั้งหมดในประเทศ อีกทั้งการเพิ่มผลิตภาพทางการเกษตรยังต่ำกว่าระดับศักยภาพ โดยมีสาเหตุหลักจากข้อจำกัดในด้านการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตตลอดจนข้อมูลสารสนเทศที่จำเป็นต่อการวางแผนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังขาดเครื่องมือที่จำเป็นต่อการกำกับและติดตามสถานการณ์ในตลาด สินค้าเกษตร ทำให้การจัดการความเสี่ยงด้านราคาซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรจำนวนมากยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

เป้าหมายที่ 3 : สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย
การส่งเสริมการมีสุขภาวะที่ดีสำหรับคนทุกช่วงวัย มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยต้องดำเนินการอย่างจริงจังในทุกระดับ ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน ท้องถิ่น ภูมิภาคและประเทศ ผ่านการประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ด้านการดูแลรักษาสุขภาพและการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อความเจ็บป่วยเบื้องต้นอย่างถูกต้อง การกระจายบุคลากรด้านสาธารณสุขที่เพียงพอและครอบคลุม การสร้างระบบการบริการสุขภาพที่ทันสมัย เข้าถึงได้และมีคุณภาพ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการรับมือภาวะฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุข ซึ่งเกิดจากโรคติดต่อและไม่ติดต่อ โรคอุบัติใหม่ อุบัติเหตุ และสาธารณภัยอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าการขับเคลื่อนเพื่อยุติปัญหาโรคเอดส์ โรคไข้มาลาเรีย วัณโรค และโรคเขตร้อนที่สำคัญต่าง ๆ มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องผ่านความร่วมมือกับหลายภาคส่วน แต่ยังมีความท้ากายที่สำคัญ คือ การเพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการกลุ่มเสี่ยงที่มีการติดเชื้อตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพื่อให้ได้รับบริการการรักษาที่ได้มาตรฐานและต่อเนื่อง และป้องกันมิให้มีการแพร่กระจายเชื้อไปสู่กลุ่มอื่น ๆ ในสังคม รวมถึงป้องกันความเสี่ยงการดี้อยาของเชื้อที่จะทำให้การรักษายากขึ้นและต้องใช้งบประมาณ อีกจำนวนมาก นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวยังขาดฐานข้อมูลที่บูรณาการเพื่อใช้ในการติดตามสถานการณ์และผลลัพธ์การให้บริการกลุ่มเป้าหมาย อันส่งผลให้ความครอบคุลมของการดำเนินการของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องลดลง

เเป้าหมายที่ 4 : สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การศึกษาเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ การเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงจะช่วยยกระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ปิดช่องว่างทางสังคม สร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 4 มุ่งเน้นสร้างหลักประกันว่าเด็กทั้งชายและหญิงสามารถเข้าถึงการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เยาวชนและผู้ใหญ่สามารถเข้าถึงการฝึกอบรมทักษะอาชีพในราคาที่เหมาะสมอย่างเท่าเทียมกัน ขจัดความไม่เสมอภาคทางเพศและความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนบรรลุการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่มีคุณภาพอย่างถ้วนหน้า
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยต้องปรับโครงสร้างงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเยี่ยวยาประชาชนในประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจและ สังคมอย่างเร่งด่วน ส่งผลให้กรอบวงเงินงบประมาณสำหรับ ODA ลดลง ทำให้การให้ความช่วยเหลือประเทศ ที่พัฒนาน้อยกว่ามีข้อจำกัด นอกจากนั้น การเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูงทำให้มีข้อจำกัดในการได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ให้ ทำให้เสียเปรียบทางการแข่งขันเมื่อเปรียบเทียบ กับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ที่มีสถานะเป็นผู้รับและได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยตรงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เป้าหมายที่ 5 : บรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มบทบาทของสตรีและเด็กหญิงทุกคน
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 5 มุ่งดำเนินการเพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างเพศ และ
เพิ่มบทบาทของผู้หญิงและเด็กหญิงทุกคน โดยกำหนดให้ทุกประเทศต้องยุติการกระทำที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้หญิง การใช้ความรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ และการล่วงละเมิดทางเพศ ส่งเสริมการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเพศหญิงให้มีสิทธิในการเลือกคู่ครองตามวัยที่เหมาะสม รวมทั้งมีสิทธิที่จะพัฒนาศักยภาพตนเองและเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการมีบทบาททางการเมืองและการทำงานของเพศหญิงอย่างเท่าเทียม
แม้ว่าการออกระเบียบเพื่อป้องกันการสมรสในวัยเด็กจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการสมรส ก่อนวัยอันควร แต่ในทางปฏิบัตินั้นยังจำเป็นต้องคำนึง ถึงความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมและศาสนา รวมทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเชื่อที่สะสมมายาวนานในแต่ละสังคม นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังได้ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสมมากขึ้นในสังคม อันเป็นเหตุให้การใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกลุ่มเด็กและสตรีซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง

เป้าหมายที่ 6 : สร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาล ให้มีการจัดการอย่างยั่งยืนและมีสภาพพร้อมใช้ สำหรับทุกคน
น้ำเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยการส่งเสริมการเข้าถึงบริการด้านน้ำและการสุขาภิบาล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เป็นหนึ่งในวาระการพัฒนาสำคัญทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาลที่ดี จึงต้องผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง และยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมการเข้าถึงน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอและได้มาตรฐาน ส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพน้ำและการบำบัดน้ำเสียอย่างเป็นระบบ
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ การบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ การปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศน์ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ ตลอดจนการขยายความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศและเพิ่มการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
แม้ว่าประชาชนจะสามารถเข้าถึงแหล่งนำสำหรับอุปโภคบริโภคได้ในอัตราสูง แต่การควบคุมคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานยังจำกัดอยู่ในพื้นที่ที่มีระบบประปาเท่านั้นโดยแหล่งน้ำที่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลใช้อุปโภคบริโภคยังไม่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพให้เหมาะสมอย่างทั่วถึงขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของชุมชนเมือง ส่งผลให้มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การใช้ทรัพยากรน้ำเกินศักยภาพและการปล่อยน้ำเสียที่ไม่ได้ผ่านการบำบัดอย่างเหมาะสมลงสู่แหล่งน้ำโดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาคเกษตรที่ส่วนมากยังทำในพื้นที่เปิดและเชื่อมต่อกับแหล่งน้ำโดยตรงทำให้ของเสียและสารเคมีปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ หน่วยงานในระดับ พื้นที่ยังมีศักยภาพจำกัด โดยเฉพาะการจัดเก็บข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เป้าหมายที่ 7 : สร้างหลักประกันว่าทุกคนเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ เชื่อถือได้ และยั่งยืน
พลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และการดำเนินกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งความต้องการใช้พลังงานมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปหรือพลังงานจากฟอสซิลที่สามารถจัดหาได้อย่างสะดวกและง่ายต่อใช้งานในหลายกิจกรรม ส่งผลให้ภาคพลังงานมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด และเป็นปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยเหตุนี้ พลังงานสะอาดโดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียนจึงเป็นทางเลือกในการยกระดับประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงานไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและหาซื้อพลังงานหมุนเวียนได้ง่ายขึ้น สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต รวมทั้งตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในภาคพลังงาน การเพิ่มบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
สถานการณ์พลังงานในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และลม ทั้งในด้านการกักเก็บพลังงานและการเพิ่มเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสามารถแข่งขันได้กับเชื้อเพลิงฟอสซิล อีกทั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก มีแนวโน้มที่จะทวีความเข้มข้นขึ้น จึงเป็นความท้าทายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนและกำกับ ดูแลด้านพลังงานของประเทศในการปรับทิศทางของนโยบายและยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของภาคพลังงานโดยเฉพาะการปรับปรุงแผนการผลิตไฟฟ้าของประเทศในระยะยาวที่ยังให้ความสำคัญกับพลังงานจากฟอสซิลเป็นหลักและการปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็น อุปสรรคต่อการแข่งขันของกิจการไฟฟ้าและการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อาทิ การขอใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังขาดทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในอนาคต

เป้าหมายที่ 8 : ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่และมีผลิตภาพและการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน
ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ด้วยการยกระดับผลิตภาพแรงงาน เทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมสร้างงานที่มีคุณค่า และขจัดแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานเต็มที่และมีผลิตภาพ และการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคนภายใน ปี 2573 เศรษฐกิจไทยชะลอตัวจากการพึ่งพาการส่งออก แต่ผลิตภาพแรงงานยังสูงกว่าเป้าหมายและความเหลื่อมล้ำลดลง SMEs มีบทบาทเพิ่มขึ้น แม้เผชิญความผันผวน ขณะเดียวกันโควิด – 19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและบริการ ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นและสร้างความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เศรษฐกิจไทยชะลอตัวจากการพึ่งพาการส่งออกและเศรษฐกิจโลก กำลังแรงงานลดลง
การลงทุนไม่เพียงพอ และปรับโครงสร้างการผลิตล่าช้า ปัญหาแรงงานนอกระบบจำนวนมาก ทำให้การคุ้มครองทางสังคมไม่ทั่วถึง แม้มีความพยายามแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานเด็ก แต่การบังคับใช้กฎหมายยังขาดการบูรณาการ ข้อเสนอแนะ ควรเร่งลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม สอดคล้องกับ บริบทโลกและการเปลี่ยนแปลงในประเทศ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจและสังคม พัฒนาทักษะแรงงานผ่านการ up-skill และ re-skill พร้อมดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง

เป้าหมายที่ 9 : สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน และส่งเสริมนวัตกรรม
โครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรม เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม โครงสร้างพื้นฐานที่ดี เช่น การคมนาคมและขนส่ง ช่วยให้การเดินทางและการแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นไปอย่างสะดวก นวัตกรรมใหม่ เช่น เทคโนโลยีประหยัดพลังงานและเทคโนโลยีดิจิทัล ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนการพัฒนาทั้งสองด้านต้องคำนึงถึงการกระจายโอกาส เพื่อให้ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม ความก้าวหน้าโครงสร้างพื้นฐานของไทย ด้านการคมนาคมและขนส่ง สะท้อนจากการพัฒนาเครือข่ายถนนที่มีการขยายตัวและเพิ่มความหนาแน่นของถนน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีบทบาทในการช่วยเหลือด้านโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน
การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนของไทย มุ่งเน้นการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลผ่านศูนย์ Industrial Transformation Center (ITC) ส่งเสริมเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีสะอาด และการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นผลสำเร็จที่สำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนของประเทศ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการยกระดับศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมผ่านการลงทุนในวิจัยและพัฒนา บุคลากรวิจัยของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความก้าวหน้าในระบบนิเวศนวัตกรรม

เป้าหมายที่ 10 : ลดความไม่เสมอภาคภายในและระหว่างประเทศปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย:
ประเทศไทยเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำในหลายมิติ เช่น ด้านรายได้ ความมั่งคั่ง โอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ โครงสร้างพื้นฐาน แหล่งเงินทุนและทรัพยากรที่จำเป็น รวมถึงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ ความเหลื่อมล้ำ จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งผลให้เกิดความไม่เสมอภาคระหว่างกลุ่มคนในสังคมมากขึ้น
สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยในช่วงปี 2559-2562 ความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำของรายได้ รายได้ต่อหัวของกลุ่มประชากร 40% ที่มีรายได้ต่ำสุดเพิ่มขึ้นทำให้ช่องว่างรายได้ลดลง อย่างไรก็ตาม ความเหลื่อมล้ำในการถือครองทรัพย์สิน ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากยังไม่มีการปรับปรุงระบบภาษีอย่างเบ็ดเสร็จเพื่อแก้ปัญหานี้ ภาครัฐได้ดำเนิน
โครงการและสวัสดิการสังคม เช่น เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยผู้สูงอายุและผู้พิการ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด – 19 เพื่อเพิ่มโอกาสความเท่าเทียมในสังคม

เป้าหมายที่ 11 : ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ มีความครอบคลุม ปลอดภัย ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง และยั่งยืน
การขยายตัวของเมืองกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ภายในปี 2593 ประชากรที่อาศัยในเขตเมืองจะมีมากถึงร้อยละ 68 ของประชากรโลก เมืองเป็นแหล่งสำคัญของการจ้างงาน และมีระบบสาธารณูปโภค การคมนาคม และสวัสดิการสังคมที่รองรับ การพัฒนาเมืองที่มีคุณภาพ สภาพแวดล้อมดี ปลอดภัย และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนาเมืองต้องคำนึงถึงกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างมีคุณภาพและเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่างเท่าเทียม
การพัฒนาเมืองให้เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย มีความครอบคลุม และความปลอดภัยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
การลดจำนวนครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย ในชุมชนแออัดและลดอัตราคดีอาชญากรรม สถานการณ์ความปลอดภัยของประชาชนก็ดีขึ้น โดยจำนวนประชากรที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติลดลง การจัดการขยะมูลฝอยที่นำกลับไปใช้ประโยชน์ และกำจัดอย่างถูกต้องเพิ่มขึ้น การใช้ประโยชน์จากที่ดินในเมืองมีประสิทธิภาพขึ้น โดยอัตราการเติบโตของประชากรต่ำกว่าการใช้ที่ดิน
ข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ ยังคงเป็นปัญหา โดยประชากรในพื้นที่เมืองศูนย์กลาง
ความเจริญไม่สามารถเข้าถึงได้สะดวก มีเพียงกรุงเทพมหานคร ที่มีสัดส่วนประชากรเข้าถึงได้สูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ เมืองในพื้นที่ปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรสาคร ยังมีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย สัดส่วนพื้นที่เปิดสาธารณะ ต่อพื้นที่เมืองยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะพื้นที่สีเขียว กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวในอัตราที่ต่ำ และยังมีปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่พบปริมาณสูงขึ้น [1] การเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะโดยสะดวก หมายถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้สถานีรถโดยสารประจำทาง รถสองแถวและเรือภายในระยะ 400 เมตร หรืออาศัยอยู่ใกล้สถานีรถไฟ รถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าใต้ดิน ภายในระยะ 500 เมตร

เป้าหมายที่ 12 : สร้างหลักประกันให้มีแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
การขับเคลื่อนรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่คำนึงถึงต้นทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตในภาคธุรกิจให้สอดคล้องกับธรรมชาติ การดำเนินงานต้องเกิดขึ้นอย่าง
บูรณาการ ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม การลดการสูญเสียและขยะอาหาร การจัดการของเสียและสารเคมีอย่างถูกวิธี สนับสนุนหลักปฏิบัติ 3Rs (ลดการใช้ ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่) การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับการผลิตและการบริโภค รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
ประเทศไทยได้จัดทำแผนขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทำรายงานความยั่งยืน ตามหลัก ESG การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว มีการลดการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล และเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน ภาครัฐยังส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และจัดทำบัญชีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยมีปริมาณขยะอาหารสูงกว่าค่าเฉลี่ย ของประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง ทุกภาคส่วนควรเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะ และของเสียอันตราย

เป้าหมายที่ 13 : ปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบทีเกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีแหล่งกำเนิดหลักมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นองค์ประกอบสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการแปรผันของฤดูกาล ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่แนวโน้มจะทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น และผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงกลุ่มองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันหาแนวทางเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยการออกมาตรการที่แก้ไขปัญหาเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและฟื้นตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมการพัฒนาแบบคาร์บอนต่ำที่ไม่กระทบต่อระบบการผลิตอาหาร ให้สามารถฟื้นฟู เพื่อให้มีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เป้าหมายที่ 14 : อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเลและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
มหาสมุทรและทะเลเป็นสิ่งสำคัญที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตบนโลก ไม่ว่าจะเป็นวัฏจักรฝน น้ำดื่ม ภูมิอากาศ รวมไปถึงแหล่งอาหารและกิจกรรมต่าง ๆ ของทุกสิ่งมีชีวิต ล้วนเกี่ยวข้องกับมหาสมุทรและทะเล โดยประเทศไทยมีพื้นที่ทะเลและชายฝั่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของอาณาเขตบนบก ทรัพยากรในทะเลเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
กิจกรรมของมนุษย์ได้ส่งผลกระทบต่อมหาสมุทรและทะเล เช่น การทำประมงผิดกกหมาย การทำประมงพื้นบ้าน การปล่อยมลพิษลงทะเล จนนำไปสู่ปัญหาที่ตามมา ได้แก่ มลพิษทางทะเล ปรากฏการณ์ทะเลกรด การกัดเซาะชายฝั่ง ปริมาณสัตว์ทะเลลดลง จากการตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ประเทศไทยจึงส่งเสริมการอนุรักษ์แลใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 15 : ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ต่อสู้การกลายสภาพเป็นทะเลทรายหยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นฟูสภาพกลับมาใหม่ และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
การขยายตัวของความเป็นเมืองและการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ การใช้สารเคมีเกินขนาดในภาคการเกษตร การผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษและก๊าซเรือนกระจก การรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ผนวกกับพฤจิกรรมการบริโภคทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือยของมนุษย์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ส่งผลทำให้สิ่งมีชีวิตต้องสูญพันธุ์ สูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย จนนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
จึงมีความพยายามทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และระบบนิเวศบนบก รวมถึงปกป้องคุ้มครองพันธุ์พืชและสัตว์ไม่ให้สูญพันธุ์จากการถูกคุกคามของมนุษย์ และการถูกรุกรานจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ตลอดจนส่งเสริมให้มีการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เท่าเทียม และเป็นธรรม

เป้าหมายที่ 16 : ส่งเสริมสังคมที่สงบสุขและครอบคลุมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ทุกคนเข้าถึงความยุติธรรม และสร้างสถาบัน ที่มีประสิทธิผล รับผิดชอบ และครอบคลุมในทุกระดับ
สังคมที่สงบสุขจำเป็นต้องมีความมั่นคง มีสันติภาพ ประชาชนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน และมีระบบการปกครองบนพื้นฐานของหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล
โดยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 16 มุ่งเน้นขจัดความขัดแย้ง การข่มเหง การแสวงหาประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง การค้ามนุษย์ การใช้ความรุนแรง และการทรมานทุกรูปแบบ เพื่อสร้างหลักประกันว่าปนะชาชนทุกคนจะมีชีวิตที่มั่นคง ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม มีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม และมีส่วนร่วมในทุกระดับ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเชิงสถาบันให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีการบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่ไม่เลือกปฏิบัติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 17 : เสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลไกการดำเนินงาน และฟืนฟูหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลก เพื่อการพัฒนาทียังยืน
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 17 มุ่งยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลก โดยเฉพาะความร่วมมือหลายภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผ่านการระดมทุนที่เป็นตัวเงิน เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตลอดจนความรู้และแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดในการดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ตามความต้องการจนสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ภายในปี 2573