Goal 3Goal 6Goal 7
+5

สำรวจสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม 2566 สู่การเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในปี 2568

“Sustainability is not a trend, it’s a must” สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทประเทศไทยที่ยังคงเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่องในด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและคุณภาพชีวิตของประชาชน บทความนี้จะพาไปสำรวจภาพรวมสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมวิเคราะห์แนวโน้ม ผลกระทบ และแนวทางการแก้ไขที่ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกัน

สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น 1.15 ± 0.13 องศาเซลเซียส โดยในปี พ.ศ. 2565 อุณหภูมิมีค่าเฉลี่ยทั้งปี 27.2 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าปกติ 0.1 องศาเซลเซียส ขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะในภาคพลังงานเพิ่มขึ้น 1.50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังพบว่าปริมาณฝนรวมเฉลี่ย 2,011.9 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าปกติร้อยละ 24 และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยในช่วงเดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนมกราคม 2566 เกิดธรณีพิบัติภัย 164 ครั้ง เพิ่มขึ้นจาก พ.ศ. 2564 ส่วนใหญ่เป็นเหตุการณ์อุทกภัยและดินถล่ม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนมีการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคที่สัมพันธ์กับสภาพอากาศ ซึ่งการแก้ไขปัญหาเพื่อจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติอย่างยั่งยืน ควรมีการจัดการความเสี่ยงโดยพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า มีการเฝ้าระวังและการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพการสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา

สถานการณ์มลพิษ เนื่องจากการขยายตัวของเมืองและการเพิ่มขึ้นของยานพาหนะบนท้องถนนก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงและอากาศ โดยในปี พ.ศ. 2565 แม้ภาพรวมคุณภาพอากาศจะมีแนวโน้มดีขึ้นโดยค่าเฉลี่ยรายปีของฝุ่นละออง PM10 และ PM2.5 ไม่เกินมาตรฐาน ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมก็ปล่อยมลพิษจากกระบวนการผลิตสู่สิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเผาในที่โล่ง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยินและการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ ทซึ่งการแก้ไขปัญหาเพื่อจัดการมลพิษอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยภาครัฐต้องกำหนดนโยบายและมาตรการที่ชัดเจน เช่น การควบคุมการปล่อยมลพิษ การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ขณะที่ภาคเอกชนต้องปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องเร่งจัดการปัญหามลพิษข้ามพรมแดนผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อกำหนดมาตรการร่วมในการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ

สถานการณ์ขยะมูลฝอย ของเสียอันตราย และมูลฝอยติดเชื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากรูปแบบการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยในปี พ.ศ. 2565 มีปริมาณขยะมูลฝอย 25.70 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.88 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวประมาณ 2.83 ล้านตัน หรือร้อยละ 11 และมีการกำจัดอย่างถูกต้องเพียงร้อยละ 38.13 ในขณะที่การจัดการขยะยังขาดประสิทธิภาพ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ซึ่งการแก้ไขปัญหาเพื่อจัดการขยะอย่างยั่งยืนควรมีการใช้เทคโนโลยีในการจัดการขยะที่เหมาะสม การสร้างแรงจูงใจแก่ภาคธุรกิจเพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนการสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนที่จะนำไปสู่การจัดการขยะที่ยั่งยืน

สถานการณ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากการบริโภคทรัพยากรที่ไม่มีการควบคุมและการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ สัตว์บางชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ส่งผลกระทบความสมดุลของระบบนิเวศ ซึ่งมีชนิดพืชที่ถูกคุกคาม 999 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 9.08 ของชนิดพืชที่จำแนกแล้ว รวมถึงสัตว์มีกระดูกสันหลังและไม่มีกระดูกสันหลังที่ถูกคุกคาม 676 และ 302 ชนิดตามลำดับ แม้ว่าความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลังจะมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2558 ซึ่งการแก้ไขปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติ ฟื้นฟูระบบนิเวศที่ถูกทำลาย ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เช่น การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การประมงและการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ

สถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากคุณภาพน้ำทะเลเสื่อมโทรมจากการปล่อยของเสีย การกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรง ส่งผลให้สัตว์ทะเลหายากได้รับผลกระทบ แต่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเต่่าทะเลวางไข่ 604 รัง เพิ่มขึ้นจาก พ.ศ. 2564 ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงเพิ่มขึ้น 1.43% แหล่งหญ้าทะเลและแนวปะการังอยู่ในสภาพค่อนข้างดี พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.93 ซึ่งการแก้ไขปัญหาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ควรมีการอนุรักษ์ป่าชายเลน การฟื้นฟูแนวปะการัง และการสร้างแนวป้องกันธรรมชาติ เพื่อลดการกัดเซาะชายฝั่ง เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างความสามารถของระบบนิเวศในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ด้านพื้นที่ป่าไม้พบว่ามีสัดส่วน 31.57% ของพื้นที่ประเทศและในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ป่าไม้มีความเปลี่ยนแปลงน้อย การบุกรุกพื้นที่ป่ามีแนวโน้มลดลงแม้ยังพบมากในภาคเหนือ ด้านสัตว์ป่ามีข่าวดีคือพบเสือโคร่ง 120 ตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ควบคุมได้ยาก ความท้าทายสำคัญยังคงมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความต้องการที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและการเกษตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่เข้มงวด การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการจัดการไฟป่า การฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ และการสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

สถานการณ์ทรัพยากรดินและการใช้ที่ดิน เนื่องจากความเสื่อมโทรมทั้งจากธรรมชาติและการใช้ที่ดินไม่เหมาะสม โดยพบการปลูกพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ไม่เหมาะสมถึง 11.36 ล้านไร่ และการชะล้างพังทลายของดินในระดับรุนแรงถึงรุนแรงมากมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้น คือการนำเข้าปุ๋ยเคมีซึ่งสะท้อนการใช้และการตกค้างของสารเคมีลดลง 25.72% จากปีก่อน ซึ่งการแก้ไขปัญหาทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการอนุรักษ์ดินปรับปรุงดินเสื่อมโทรมและการลดการใช้สารเคมีในการเกษตร รวมถึงการบูรณาการข้อมูลและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรและการส่งเสริมเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน

สถานการณ์ทรัพยากรน้ำ เนื่องจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นอุปสรรคต่อการไหลของน้ำ การขาดการจัดการพื้นที่ป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำ ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา และการรุกล้ำของน้ำเค็มบริเวณชายฝั่งทะเลไทย ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินจากอุทกภัย ซึ่งการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ป่า ต้นน้ำลำธาร และแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการทรัพยากรน้ำข้ามพรมแดน

สถานการณ์ทรัพยากรแร่ เนื่องจากความต้องการในภาคพลังงาน อุตสาหกรรมก่อสร้าง และการผลิตที่ต้องใช้ทรัพยากรแร่จำนวนมาก ทำให้มีการทำเหมืองแร่เพิ่มขึ้น พบว่ามีเหมืองแร่ที่เปิดดำเนินการถึง 1,127 แปลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อมลพิษทางอากาศและสุขภาพของประชาชน การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและผลกระทบทางเศรษฐกิจเนื่องจากต้นทุนการฟื้นฟูสูง ซึ่งการแก้ไขปัญหาทรัพยากรแร่อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีการทำเหมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่าและสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพ

สถานการณ์พลังงาน เนื่องจากความต้องการใช้พลังงาน การนำเข้าพลังงานขั้นต้น (สุทธิ) และการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้น 4.30%และ 9.35% ตามลำดับ ส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานและภาวะโลกร้อน ซึ่งการแก้ไขปัญหาและจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนและการลงทุนในพลังงานสะอาด ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เช่น การลงทุนในพลังงานสะอาด การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้การจัดการพลังงานเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

สำรวจสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม : ความท้าทายและโอกาสสู่การพัฒนายั่งยืน สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทั้งประเด็นที่ยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องได้รับการแก้ไข และประเด็นที่แสดงถึงความก้าวหน้า ซึ่งเป็นโอกาสสู่การพัฒนายั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในระยะยาว

ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องเฝ้าระวัง ที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงก่อให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ปัญหาขยะมูลฝอยขยะพลาสติก และขยะติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมลพิษทางเสียงจากการจราจร ตลอดจนถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตถูกคุกคามจากการกัดเซาะชายฝั่ง การรุกล้ำของน้ำเค็มและไฟป่าที่เพิ่มขึ้น การใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมและเหมืองแร่ที่ยังเปิดดำเนินการมากถึง 1,127 แปลง และการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นประเด็นที่สร้างความกังวลและสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการวางแผนจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

โอกาสสู่ความยั่งยืน ปรากฏชัดในหลาย ๆ ประเด็นที่แสดงถึงพัฒนาการที่ดี เช่น คุณภาพอากาศที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากระดับฝุ่น PM 2.5 และ PM 10 ที่ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สอดคล้องกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองที่เกินเป้าหมายขั้นต่ำ 5 ตารางเมตรต่อคน มีการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ในประเทศไทยทั้งพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ซึ่งยืนยันถึงความหลากหลายทางชีวภาพและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ การเพิ่มจำนวนเต่าทะเลวางไข่ถึง 604 รัง การขยายตัวของพื้นที่ป่าชายเลน 12.93% และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการฟื้นตัวของระบบนิเวศ ขณะที่การลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีถึง 25.72% ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การขยายการใช้พลังงานหมุนเวียนยังเป็นก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงการเดินหน้าอย่างมั่นคงสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

สู่การเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในปี 2568 จากสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการ
ความร่วมมือเพื่อจัดการปัญหาเร่งด่วนทั้งในระยะสั้น เช่น การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ควบคู่ไปกับการวางรากฐานมาตรการระยะยาวในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภาคเกษตร และการส่งเสริมการบริโภคยั่งยืน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้จัดทำแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Thailand’s SDG Roadmap) ที่เชื่อมโยงกับแผนระดับชาติทั้ง 3 ระดับ พร้อมทั้งสร้างกลไกการติดตามประเมินผลและความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืนและการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต

SDGs คือ ปณิธานของคนทั้งโลก เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชากรโลกดีขึ้น การขับเคลื่อน SDGsคือการลงมือทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น หากขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเกิดขึ้น
ในระดับพื้นที่ไปจนทั่วประเทศและทั่วโลก ก็ทำให้คุณภาพชีวิตของประชากรโลกดีขึ้นด้วย”
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน

กองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

เอกสารอ้างอิง

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2567). รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://www.onep.go.th/book/soe2566/

สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP), ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) และวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2566). รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างภาคส่วน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยพ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://www.sdgmove.com/2023/12/22/tsdf-sustainable-report-2566/

สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2564). รายงานความก้าวหน้าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย พ.ศ. 2559 – 2563. สืบค้นจาก https://sdgs.nesdc.go.th/exhibitions/brightleapforward2021/report2016-2020/

กลับหน้าข่าวสารและบทความ